เป็นอัตตาของเรา ดังนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อวิยสาวกผู้ได้สดับแล้ว
เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ รู้ชัดว่า ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ ปริมุจจิตสูตรที่ 1
อรรถกถาปริมุจจิตสูตรที่ 1
ถึง อุปาทานสูตรที่ 9
สูตรทั้งหลาย มีปริมุจจิตสูตรที่ 1 เป็นต้น ง่ายทั้งนั้น.
จบ อรรถกถาปริมุจจิตสูตรที่ 1 เป็นต้น
7. ปริมุจจิตสูตรที่ 2
ว่าด้วยการพิจารณาเห็นขันธ์ 5 เพื่อความหลุดพ้น
[307] กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย
จะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เธอทั้งหลายพิจารณาเห็นรูป เวทนา
สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่
อัตตาของเรา ดังนี้หรือ ?
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า อย่างนั้น พระเจ้าข้า พระผู้มี-
พระภาคเจ้าตรัสว่า ดีละภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงพิจารณาเห็น
รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นั้น ด้วยปัญญาอันชอบตามความ
เป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่อัตตา
ของเรา ดังนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้
ฯลฯ รู้ชัดว่า ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มี.
จบ ปริมุจจิตสูตรที่ 2
8. สังโยชนสูตร
ว่าด้วยสังโยชน์ และธรรมเป็นที่ตั้งแห่งสังโยชน์
[308] กรุงสาวัตถี. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดง
ธรรม เป็นที่ตั้งแห่งสังโยชน์ และสังโยชน์ เธอทั้งหลายจงฟัง. ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ก็ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งสังโยชน์ เป็นไฉน ? สังโยชน์เป็นไฉน ?
รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ชื่อว่าธรรมเป็นที่ตั้งแห่ง
สังโยชน์ ความกำหนัด ด้วยอำนาจความพอใจในรูป เวทนา สัญญา สังขาร
วิญญาณนั้น ชื่อว่า สังโยชน์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ธรรมเป็น
ที่ตั้งแห่งสังโยชน์ นี้เรียกว่า สังโยชน์.
จบ สังโยชนสูตรที่ 8
9. อุปาทานสูตร
ว่าด้วยอุปาทาน และธรรมเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน
[309] กรุงสาวัตถี. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดง
ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน และอุปาทาน เธอทั้งหลาย จงฟัง ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทานเป็นไฉน ? อุปาทานเป็นไฉน ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ชื่อว่าธรรมเป็นที่ตั้งอุปาทาน ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจ ใน
รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณนั้น ชื่อว่า อุปาทาน ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย นี้เรียกว่า ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน นี้เรียกว่า อุปาทาน.
จบ อุปาทานสูตรที่ 9